if(empty($cus_mem)){ ?>
} else { ?>
} ?>
หนังสือพิมพ์
ธนาคาร
ส่วนราชการ |
|
|
จำนวนผู้เยี่ยมชม
ตั้งแต่ 01/01/2544 |
|
|
|
|
คุณภาพของบ้านกับการรับรองมาตรฐาน |
|
|
3.
การบริหารด้านทรัพยากร
ในประเด็นนี้ ISO กำหนดให้องค์กรต้องจัดให้มีทรัพยากรที่จะเป็นอย่างเพียงพอต่อ
การดำเนินงานด้านต่างๆ ขององค์กร และผู้บริหารจะต้องมีระบบการจัดการและควบคุมดูแลการใช้
ทรัพยากรเหล่านี้ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อองค์กร
เช่น การจัดให้มีอาคาร สถานที่และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ การจัดให้มีเครื่องมือใช้และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง
ๆ ที่จำเป็นต่อการทำงาน การจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม
ทั้งนี้ รวมถึงการบริหาร จัดการด้านทรัพยากรมนุษย์ อันได้แก่
การจัดหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเพื่อเข้ามาบริหารและ
ปฏิบัติงานในองค์กร รวมทั้งการพัฒนาความรู้และให้การฝึกอบรมแก่บุคลากรเพื่อเพิ่มพูนความรู้ความ
สามารถในการทำงาน
4. การทำให้เกิดผลิตภัณฑ์และบริการ
ในประเด็นนี้ ISO กำหนดให้องค์กรต้องมีการวางแผน กำหนด และ พัฒนา
กระบวนการต่างๆ อันจำเป็นต่อการทำให้เกิดผลิตภัณฑ์และบริการ
โดยต้องคำนึงถึงสาระสำคัญ ในด้านต่างๆ เช่น ในด้านของการออกแบบและพัฒนา
เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สามารถนำไปใช้ประโยชน์ ได้โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาหรือผลกระทบด้านอื่น
(ในกรณีที่การผลิตผลิตภัณฑ์นั้นเกี่ยวข้องกับขั้น ตอนการออกแบบ)
ในด้านของการจัดซื้อ เพื่อให้การจัดซื้อวัตถุดิบหรือสิ่งอื่นใดซึ่งเกี่ยวข้องกับการ
ผลิตและบริการทำอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ในด้านของการผลิตและบริการ
เพื่อให้มี การกำหนดและควบคุมกระบวนการผลิตและบริการอย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ การผลิตผลิตภัณฑ์ และบริการต่างๆ ยังต้องคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าและไม่ขัดต่อกฎหมายหรือกฎบังคับต่างๆ
ที่ เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และการบริการดังกล่าว
5. การวัด วิเคราะห์ และการปรับปรุง
ในประเด็นสุดท้ายนี้ ISO กำหนดให้ผู้บริหารต้องจัดให้มีกระบวนการเฝ้าติดตาม
ตรวจวัด และวิเคราะห์ผลของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกไปหรือบริการที่ให้ลูกค้า
เพื่อดูว่าเป็นไปตาม มาตรฐานที่กำหนดหรือคาดหวังไว้หรือไม่ หรือสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าหรือไม่
หากพบว่าเกิดปัญหาผู้บริหารจะต้องทำการปรับปรุงแก้ไข ไม่ว่าปัญหานั้นจะเกิดจากการบริหาร
ควบคุมหรือขันตอนในการปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ
ทั้งนี้ ในการปรับปรุงแก้ไขดังกล่าวจะรวมถึงปฏิบัติการเชิงแก้ไขอันเป็นการพยายามแก้ไขปัญหา
ที่เกิดขึ้น และปฏิบัติการเชิงป้องกันเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำอีก
จากข้อกำหนดและรูปแบบของระบบมาตรฐานคุณภาพทั้ง 2 แบบที่กล่าวมาแล้ว
คือ ระบบมาตรฐานของ สมอ. และระบบมาตรฐานของ ISO จะเห็นได้ว่าทั้ง
2 มาตรฐานมีส่วนที่ เหมือนกัน คือ ข้อกำหนดของระบบมาตรฐานทั้ง
2 แบบต่างมีผลทำให้เกิดกระบวนการควบคุมดู แลและวัดผล อันนำมาซึ่งคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์และบริการ
แต่จะมีส่วนที่แตกต่าง กันในด้านของรูปแบบและจุดที่ทำการควบคุม
กล่าวคือ |
1.
ระบบการรับรองมาตรฐานของ สมอ. เป็นการรับรองคุณภาพและมาตรฐานของตัวผลิต
ภัณฑ์โดยตรงว่ามีคุณภาพตามที่กำหนดหรือไม่ ขณะที่ระบบการรับรองมาตรฐานของ
ISO เป็น การรับรองมาตรฐานของระบบงานว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่
อันจะมีผลต่อคุณภาพ และมาตรฐานของผลิตภัณฑ์และบริการอีกทอดหนึ่ง
|
|
|
|
|