ห้องสมุด | สร้างบ้านดอทคอม

จากภาพ แสดงการรับแรงของบานพับประตูซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แนว คือ การรับ แรงในแนวดิ่งเพื่อรับน้ำหนักของบานประตูที่จะตกลงมา และการรับแรงในแนวระดับเพื่อยึดไม่ให้บาน ประตูฉีกหลุดออกมาจากวงกบในจุดที่บานพับยึดอยู่จากกรณีของการรับแรงในแนวระดับตามภาพ บาน ประตูที่ติดตั้งบานพับส่วนใหญ่ไว้บริเวณช่วงบนจะรับแรงในลักษณะดังกล่าวได้ดีกว่าบานประตูที่ติดตั้ง บานพับแบบกระจายหรือติดตั้งบานพับส่วนใหญ่ไว้บริเวณช่วงล่าง ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ว่าการติดตั้ง บานพับส่วนใหญ่ไว้บริเวณช่วงล่างของประตูตามกรณีหลังจะไม่มีใครทำเลย

จากภาพ การติดตั้งบานพับส่วนใหญ่ไว้ในบริเวณช่วงบนดังเช่นประตู A และ B จะให้ผลใน การยึดประตูที่มั่นคงแข็งแรงกว่าการติดบานพับแบบกระจายดังเช่นประตู C และ D เนื่องจากบานพับ บริเวณด้านบนของประตู A และ B ต้องออกแรงยึดประตูน้อยกว่าบานพับของประตู C และ D เพื่อยึดประตูที่มีน้ำหนักเท่ากัน ซึ่งจะมีผลทำให้บานพับโดยส่วนรวมของประตู A และ B มีอายุ การใช้งานที่ยาวนานกว่า บานพับของประตู C และ D เพราะไม่ต้องทำงานหนักมาก ซึ่งผลการรับ แรงของบานพับ ณ จุดต่างๆ ในกรณีนี้สามารถคำนวณเปรียบเทียบได้โดยอาศัยการคำนวณโมเมนต์ตาม หลักวิชากลศาสตร์ (โดยถือเอาตำแหน่งของบานพับตัวล่างสุดเป็นจุดหมุนในการคำนวณ ) ซึ่งจะต้อง เกี่ยวข้องกับค่าของแรงกระทำโดยสัมพันธ์กับระยะห่างจากจุดหมุนของบานพับแต่ละตัวซึ่งค่อนข้างซับ ซ้อนจึงไม่ขอนำมาแสดงในที่นี้จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่าการติดตั้งบานพับประตูให้ได้ผลดีนอกจากจะต้องเลือกใช้วัสดุที่มี คุณภาพดี กำหนดขนาดและจำนวนให้ถูกต้องเหมาะสมแล้ว เทคนิคและประสบการณ์ในการติดตั้งก็มี ส่วนสำคัญเช่นเดียวกัน เช่น การวางตำแหน่งของบานพับให้เหมาะสม การติดตั้งให้แกนของบานพับ แต่ละตัวอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกันเพื่อไม่ให้เกิดการฝืนแรงหรือเกิดเสียงดังเวลาเปิดหรือปิดประตู หรือ การติดตั้งบานพับไม่ให้กลับหัวโดยดูจากตัวหนังสือหรือสัญลักษณ์ที่ประทับอยู่บนปีกของบานพับเป็นเกณฑ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เหล็กที่ร้อยเป็นแกนบานพับหลุดออกมาในภายหลัง เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนมีส่วนทำให้ ผลงานที่ออกมาเรียบร้อยและใช้งานได้คงทน จึงไม่ควรจะละเลยหรือมองข้ามไป